ตัดเชือกเวิลด์ คัพ ฉบับพรีเมียร์ลีก
สวัสดีครับเพื่อนๆนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ทุกๆคนครับ สหรับการที่ทีมชาติอังกฤษตกรอบแต่หัววันอาจทำให้แฟนบอลพรีเมียร์ลีกที่ปันใจเชียร์ทัพสิงโตคำรามขาดแรงจูงใจในการติดตามช่วงที่เหลือของฟุตบอลโลก 2014 อยู่บ้าง
ทว่าในรอบตัดเชือกที่จะเริ่มคู่แรกในวันอังคารนี้กลับไม่ใช่เรื่องไกลตัวคอบอลพรีเมียร์ลีกเท่าใดนัก
มีการเปรียบเทียบ 4 ทีมในรอบรองฯ ชนะเลิศของเวิลด์ คัพ หนนี้ว่าเป็น “การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเฉพาะกิจ”
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะบราซิล, อาร์เจนติน่า, ฮอลแลนด์ และเยอรมนี มีความชัดเจนระดับหนึ่งในเรื่องตัวผู้เล่นที่เปรียบได้กับเชลซี, แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด และอาร์เซน่อล
ไล่กันคร่าว ๆ ก็คือ บราซิล มี ออสการ์, รามิเรซ และวิลเลี่ยน จากเชลซี (ดาวิด ลุยซ์ ย้ายไปร่วมทีปารีสแซงต์-แชร์กแมง)
อาร์เจนติน่า ก็นำโดย เซร์คิโอ อเกวโร่, ปาโบล ซาบาเลต้า และ มาร์ติน เดมิเคลิส ที่ร่วมกันคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแมนฯ ซิตี้
ฮอลแลนด์ มี โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่อยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด รวมไปถึงกุนซือคนใหม่ หลุยส์ ฟาน กัล
ส่วนเยอรมนีก็มี เมซุต โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี้ และ แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ จากอาร์เซน่อล
ก่อนหน้าทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น แฟนบอลลิเวอร์พูลต้องหันมาเชียร์ทีมชาติอังกฤษกันยิ่งกว่าเดิมเพราะตัวหลักทั้งสตีเว่น เจอร์ราร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แดเนียล สเตอร์ริดจ์, ราฮีม สเตอร์ลิง และ เกล็น จอห์นสัน ล้วนแต่อยู่ในทีมของรอย ฮ็อดจ์สัน
เหมือนใช้ทีมหงส์แดงลงเล่นในฟุตบอลโลก แต่สุดท้ายทัพสิงโตกลับไม่ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม
ตอนแรกแฟนหงส์แดงได้อกผายไหลผึ่งที่เห็นตัวแทนของทีมรักเรียงหน้ากันลงเล่นในทีมชาติอังกฤษ แต่ตอนนี้กลับเป็นสาวกเรือใบ ผีแดง สิงโตน้ำเงินคราม และปืนใหญ่ได้ชูคอกันบ้าง
แม้อังกฤษจะไม่ได้แชมป์โลกมานานนับตั้งแต่ปี 1966 แต่ก็มีนักเตะที่ค้าแข้งในเมืองผู้ดีได้สัมผัสโทรฟี่อันทรงเกียรตินี้กันบ่อยครั้งในช่วงหลัง
ในปี 1998 เอ็มมานูเอล เปอตีต์ และ ปาทริค วิเอร่า ของอาร์เซน่อล รวมไปถึง ฟร้องค์ เลอเบิฟ จากเชลซีที่ได้แชมป์โลกกับฝรั่งเศส จากนั้น มาร์กแซล เดอไซญี่ ก็ย้ายมาเล่นให้เชลซี
ปี 2002 ในช่วงที่ได้แชมป์โลกอาจจะไม่มีนักเตะบราซิลเล่นในอังกฤษแต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน จูนินโญ่ จอมทัพร่างเล็กก็เซ็นสัญญา (รอบ 3) กับมิดเดิ้ลสโบรซ์ ขณะที่อาร์เซน่อลจัดการคว้าตัว จิลแบร์โต้ ซิลวา ไปร่วมทีม
ปี 2006 ปีนี้อิตาลีเป็นแชมป์ แต่ไม่มีนักเตะที่เล่นต่างแดนในทีมเลยเพราะทั้ง 23 คนค้าแข้งในลีกตัวเองทั้งสิ้น
ปี 2010 สเปนคว้าแชมป์โลกสมัยแรกโดยที่ในทีมมี เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ เปเป้ เรน่า จากลิเวอร์พูล รวมไปถึง เซส ฟาเบรกาส ที่ยังอยู่กับอาร์เซน่อล ขณะ ดาบิด ซิลบา ย้ายมาร่วมทีมแมนฯ ซิตี้ในช่วงซัมเมอร์ดังกล่าว
และจาก 4 ทีมในรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก 2014 ที่มีแกนหลักมาจาก 4 ทีมใหญ่ในอังกฤษก็ทำให้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะมีนักเตะพรีเมียร์ลีกได้ “แชมป์โลก” อีกครั้ง
บราซิล : เชลซี
ทีมชาติบราซิลชุดนี้มีผู้เล่นจากเชลซีถึง 4 คน ประกอบด้วย ออสการ์, รามิเรส, วิลเลี่ยน และดาวิด ลุยซ์ ซึ่งมากกว่าสโมสรอื่น ๆ
แม้ล่าสุด ดาวิด ลุยซ์ จะย้ายไปร่วมทีมปารีสแซงต์-แชร์กแมง เป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยังพอ “กล้อมแกล้ม” ได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแกนหลักเชลซีที่กำลังช่วยให้ทัพแซมบ้าล่าแชมป์สมัยที่ 6
ในรอบตัดเชือกที่จะพบกับเยอรมนีวันอังคารนี้ ออสการ์ ลงตัวจริงแน่นอนเช่นเดียวกับ ดาวิด ลุยซ์ ที่คงต้องรับบทหนักในเกมรับเพราะไม่มี ติอาโก้ ซิลวา คู่หูคนสำคัญที่ติดโทษแบน
การบาดเจ็บของ เนย์มาร์ ทำให้โอกาสเปิดกว้างสำหรับ วิลเลี่ยน อีกหนึ่งแข้งสิงห์บูลส์ที่แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนหลังจากเดี้ยงตอนซ้อมแต่ก็น่าจะฟิตลงเล่นได้ ส่วนอีกคนอย่าง รามิเรส ยังเป็นสำรองต่อไป
ฤดูกาลหน้า เชลซี ไม่มี ดาวิด ลุยซ์ แต่ก็อาจได้อีกหนึ่งแข้งบราซิลเลียนอย่าง เปาลินโญ่ มาร่วมทีมแทนเพราะมีข่าวเช่นกันว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ให้ความสนใจกองกลางสเปอร์สอยู่เหมือนกัน
ทว่าด้วยฟอร์มที่ไม่ได้มาตรฐานในช่วงบอลโลกก็ทำให้ข่าวลือนี้ค่อย ๆ เงียบลงไปด้วย
เยอรมนี : อาร์เซน่อล
ทีมอินทรีเหล็กของ โยอัคคิม เลิฟ ไม่ได้มีแกนหลักจากบาเยิร์น มิวนิค ที่ติดธงถึง 7 คนเท่านั้น หากแต่ยังมีถึง 3 คนที่มาจากอาร์เซน่อลในเวทีพรีเมียร์ลีก
เมซุต โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี้ และ แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้แฟน ๆ ปืนใหญ่ได้ตามเชียร์เยอรมนีมากขึ้นเพราะอยากเอาใจช่วยให้คว้าแชมป์โลกสำเร็จ หลังจากร่วมกันพาทีมได้แชมป์เอฟเอ คัพ ที่ถือเป็นแชมป์แรกในรอบ 9 ปีของทีมปืนใหญ่
รอบตัดเชือกกับเจ้าภาพวันอังคารนี้ โอซิล ยังน่าจะได้ลงตัวจริงต่อไปแม้มีเสียงวิจารณ์ว่าเล่นต่ำกว่ามาตรฐานและสมควรถูกดร็อป
ลูคัส โพดอลสกี้ อาจได้กลับมาเป็นตัวจริงในเกมนี้ตามการคาดของ kicker สื่อดังเมืองเบียร์หลังจากฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง แต่ก็ต้องดูการตัดสินใจของ เลิฟ อีกทีเพราะยังมีตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจทั้ง มาริโอ เกิทเซ่ และ อันเดร เชือร์เล่
ส่วนคนที่อาจหลุดโผตัวจริงเป็นนัดที่ 2 คือ แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ กองหลังร่างใหญ่ที่นัดล่าสุดกับฝรั่งเศสก็เป็นเพียงสำรองเพราะ เลิฟ ปรับหมากเกมรับให้ เยโรม บัวเต็ง ขยับเข้ามายืนเซนเตอร์ตามถนัดเพื่อเปิดพื้นที่แบ็กขวาให้ฟิลิปป์ ลาห์ม
ในฤดูกาลหน้า อาร์เซน่อลอาจมีแข้งอินทรีเหล็กเข้าสังกัดเพิ่มเพราะ อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องการได้ตัวกองกลางตัวรับคนใหม่ซึ่งเป้าหมายที่ต้องการคือ ซามี่ เคดิร่า และ ลาร์ส เบนเดอร์
อาร์เจนตินา : แมนฯ ซิตี้
อาร์เจนตินา ของ อเลฮานโดร ซาเบย่า มีผู้เล่นจากแมนฯ ซิตี้ 3 คนคือ เซร์คิโอ อเกวโร่, ปาโบล ซาบาเลต้า และ มาร์ติน เดมิเคลิส มากที่สุดเท่ากับ อินเตอร์ มิลาน ที่มี ฮูโก้ กัมปันญาโร่, โรดริโก้ ปาลาซิโอ และ ริคาร์โด้ อัลวาเรซ
ทว่าวัดกันในแง่ความสำคัญต่อทีมแล้ว ตัวแทนจากเรือใบสีฟ้ามีความสำคัญมากกว่าเพราะล้วนแต่เป็นคีย์แมนที่ได้ช่วยทีมแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
อเกวโร่ ลงตัวจริงตลอด 3 นัดแรกแต่โชคร้ายบาดเจ็บในเกมกับไนจีเรีย แต่ตอนนี้ฟิตกลับมาพร้อมลงเล่นอีกครั้งในรอบตัดเชือกกับฮอลแลนด์ซึ่งก็ต้องลุ้นว่าจะเบียดตำแหน่ง 11 คนแรกคืนได้จาก เอเซเกล ลาเวซซี่ หรือไม่
ตำแหน่งแบ็กขวาเป็นพื้นที่ผูกขาดของ ปาโบล ซาบาเลต้า เหมือนตอนเล่นให้กับแมนฯ ซิตี้ แม้ในเวิลด์ คัพ หนนี้จะไม่ท็อปฟอร์มมากนักก็ตาม
ส่วนคนที่น่าสนใจไม่น้อยคือ มาร์ติน เดมิเคลิส ซึ่งได้ลงตัวจริงนัดแรกในเกมล่าสุดกับเบลเยียมและมีโอกาสสูงที่จะยึดตำแหน่งลงเจอฮอลแลนด์ในวันพุธนี้
ฮอลแลนด์ : แมนฯ ยูไนเต็ด
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อาจเป็นนัดเตะแมนฯ ยูไนเต็ดเพียงคนเดียวในทีมชาติฮอลแลนด์ชุดนี้ แต่การที่เทรนเนอร์หลุยส์ ฟาน กัล เตรียมเข้าคุมทัพผีแดงหลังจบทัวร์นาเมนต์ก็พลอยทำให้ทัพกังหันมีแรงเชียร์จากสาวกผีเพิ่มขึ้นในการไล่ล่าแชมป์โลกสมัยแรก
ฟาน เพอร์ซี่ คือตัวหลักที่ฮอลแลนด์จะขาดไม่ได้ในเกมรอบตัดเชือกกับอาร์เจนตินาหลังจากซัดไปแล้ว 3 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้
หลังจบภารกิจในทีมชาติ ฟาน กัล จะเริ่มงานกับแมนฯ ยูไนเต็ดทันทีโดยที่ไม่มีการเบรกพักร้อนและก็อาจจะหนีบเอาลูกน้องหลายคนมาเล่นที่โอลต์ แทร็ฟฟอร์ดด้วย
บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้, ดาลี่ บลินด์, ไนเจล เด ยองก์, สเตฟาน เดอ ฟราย, ดาริล ยันมาต, อาร์เยน ร็อบเบน, เมมฟิส เดปาย, ยอร์ดี้ คลาซี่ และแม้กระทั่ง เดิร์ค เค้าท์ ล้วนแต่มีข่าวโยงกับแมนฯ ยูไนเต็ดในช่วงซัมเมอร์นี้
มีโอกาสสูงเหลือเกินที่ฤดูกาลหน้า แมนฯ ยูไนเต็ดจะได้ต้อนรับแข้งฮอลแลนด์เพิ่มอีกคนซึ่งถ้าจะให้ดีก็ต้องมีคำว่า “ดีกรีแชมป์โลก” พ่วงต่อท้ายด้วย
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าตัวแทนจากสโมสรใดในพรีเมียร์ลีกทีมได้แชมป์โลกกับทีมชาติตัวเอง แต่เชื่อได้เลยว่าสื่อในอังกฤษคงได้ประโคมข่าวราวกับว่าทัพสิงโตคำรามเป็นแชมป์ก็ไม่ปาน