ปล่อย ‘สิงห์’ เข้าป่า?
สวัสดีครับเพื่อนๆนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ทุกๆคนครับ หลังจาก 90 นาทีเศษที่แอนฟิลด์ สกอร์บอร์ดแจ้งผล 1-1 ยกแรก ถ้วยลีกผู้ดี ลิเวอร์พูล เจ๊า เชลซี ด้วยรูปเกมที่เหนือว่าอย่างชัดเจน
ศึกระหว่างลูกศิษย์และอาจารย์ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ประลองปัญญานายเก่า โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นหนที่ 4 และยังไม่อาจกำชัยเหนือกุนซือโปรตุกีส หลังเป็นฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำตลอด 3 เกมที่ดวลกันก่อนหน้านี้
บิ๊กแมตซ์รอบตัดเชือก โดยมีเพียงเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 ที่เจอคู่แข่งจากลีกล่างรออยู่ปลายสัปดาห์ (ลิเวอร์พูล-โบลตัน, เชลซี-แบร็ดฟอร์ด) ไม่แปลกที่ทั้งสองทีมต่าง “จัดเต็ม” สำหรับนัดนี้
ในจังหวะลงล็อก หมาก 3-4-3 ของนายใหญ่ไอร์แลนด์เหนือได้ผลอย่างดี และมันถูกใช้เหมือนเดิม ร็อดเจอร์สปรับหมากเพียงตำแหน่งเดียวจากเกมชนะ แอสตัน วิลล่า 2-0 เมื่อวันเสาร์ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมตัวเก๋าหายเจ็บกลับมาบัญชาการเกม พร้อมถอด ฟาบิโอ บอรินี่ ศูนย์หน้าอิตาเลียนที่เพิ่งปลดล็อกในเกมล่าสุด แล้วทุบ ราฮีม สเตอร์ลิง เข้ามาเล่นตรงกลาง
ขณะที่เศรษฐีเมืองหลวง มาเต็ม 99% เมื่อได้ ติโบต์ กูร์กตัวส์ คืนปากประตู หลังวืดลงสนาม 3 เกมหลังสุดจากอาการเจ็บนิ้ว ส่วนแดนกลางปรับหมากส่ง จอห์น โอบี มิเคล ลงตัดเกมและขยับ เชส ฟาเบรกาส ขึ้นมาปั้นเกมรุก ทำให้ ออสการ์ จอมทัพบราซิเลียนเจ้าของ 2 ประตูในเกมล่าสุดเป็นแค่ตัวสำรอง นอกจากนั้นยังได้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แบ็กกระทิงดุหายเจ็บกลับมาประจำการบนม้านั่งสำรองอีกราย
เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อปลายฤดูกาลก่อน “หงส์แดง” เป็นฝ่ายครองบอลปั้นเกมบุกเข้าใส่ ขณะที่ผู้มาเยือนวางการโต้กลับเร็วเป็นอาวุธ โดยอาศัยความคล่องตัวของผู้เล่นทักษะสูงอย่าง เอแด็น อาซาร์ ในการจู่โจม
แผงหลังลิเวอร์พูลรับมือ ดีเอโก้ คอสต้า ได้ตลอดรอดฝั่ง การเผชิญหน้ากับ มาร์ติน สเคอร์เทล รวมถึง มามาดู ซาโก้ และ เอ็มเร่ ชาน เป็นไปอย่างดุเดือด ผลัดกันผลักผลัดกันฟาวล์ ชิงเหลี่ยมตลอดเวลา ดาวยิงเชื้อสายแซมบ้าเล่นไม่ออก ไม่เพียงเท่านั้น คอสต้ายังเกือบทำทีมเสียจุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลท้ายครึ่งแรกด้วย
ความผิดพลาดครั้งเดียวในครึ่งแรกของแนวรับ หงส์ถูกลงโทษทันที เชส ฟาเบรกาส เบียดแย่งไปกับ เอ็มเร่ ชาน ทางริมเส้นฝั่งซ้าย และดาวเตะเยอรมันน่าจะทำได้ดีกว่านั้น สำหรับการบังบอล ทว่า ฟาเบรกาสยังตามไปถึงบอลได้ก่อน แล้วดีดเข้าในให้อาซาร์ ชานพลาดหนสองซ้อน เมื่อกระแทกดาวเตะเบลเยี่ยมล้มคว่ำ นิ้วของ มาร์ติน แอ็ดกินสัน ชี้เป็นจุดประหาร 12 หลานั่น
อาซาร์สารภาพว่า เขารู้สึกหวาดหวั่น ในการดวลลูกนิ่งกับ มิโญเล่ต์ หลังเคยโดนจอมหนีบหงส์เซฟจุดโทษได้ระหว่างซ้อมด้วยกันในทีมชาติเบลเยี่ยม ทว่า คราวนี้ไม่มีพลาด บอลไปทาง นายทวารไปทางส่งให้สิงโตน้ำเงินคำรามก่อน
หนเดียวที่มีโอกาส แปรเปลี่ยนเป็นประตูทันที นี่คือคุณสมบัติของทีมที่ประสบความสำเร็จชัด ๆ
ผิดกับเจ้าถิ่นที่เปิดเกมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง หากเป็นมวย ลิเวอร์พูลคงชนะแต้มไปแล้ว (ยกเว้นกรณีที่คู่แข่งถือสัญชาติเกาหลีใต้ และผู้ตัดสินมาจากไอบ้า?!?) เมื่อเปรียบเทียบผลงานหลังเกมที่เหนือกว่าเชลซีอย่างเทียบไม่ติด ทั้งโอกาสยิง (20:1) ซัดตรงกรอบ (7:0) ครองบอล (62:38) และจังหวะเซฟ (0:5)
ทุกอย่างบ่งชี้ว่า ลิเวอร์พูลทำได้จะแจ้งกว่าเยอะ และเชลซีรอดตัวไปได้ด้วยฝีมือหนีบมหากาฬของคนมือยาวอย่าง ติโบต์ กูร์กตัวส์ 4 ชอตงาม ๆ ที่ต้องปรบมือฉาดใหญ่
ลูกยิงไกล 30 หลาในนาทีที่ 15 ของเจอร์ราร์ด ถูกปฏิเสธด้วยปลายมือ คูตินโญ่ ส่องห้าเขตโทษในนาที 66 กูร์กตัวส์ล้มตัวบล็อกได้ รวมถึงการสับไกสองจังหวะซ้อน ๆ ของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ราฮีม สเตอร์ลิง ในนาทีที่ 74 ไม่เหนือบ่ากว่าแรงอีกแล้ว เช่นเดียวกับลูกฮาร์ฟวอลเลย์ด้วยอีซ้ายข้างถนัดของ อดัม ลัลลาน่า ในนาทีที่ 78 กูร์กตัวส์ปัดป้องได้ทั้งหมด
ครั้นไม่ติดเซฟมือหนึ่งเบลเยี่ยม ลูกแปด้วยซ้ายเน้น ๆ ของเจอร์ราร์ดในนาทีที่ 65 ก็ดันจูบเสาซ้ายออกหลังเสียนี่
ผลเสมอจึงไม่อาจสะท้อนรูปเกม ถามว่ามูรินโญ่พอใจมั้ย?
“เฉย ๆ เกมนี้เสมอกัน ผมไม่รู้สึกเสียใจที่แพ้ และไม่รู้สึกมีความสุขที่ชนะ ความรู้สึกของผมอยู่ตรงกลาง ผมไม่อาจพูดได้ว่า เราเป็นตัวเต็งในตอนนี้ นี่เป็นเกมรอบตัดเชือกที่เล่น 2 นัด ตอนนี้ เรามีอีกเกมและมันเป็นที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เราป้องกันได้ดี และผู้รักษาประตูของเราทำงานได้ดี”
ซุ่มเสียงจากศิษย์เก่า บีร็อดว่าไง?
“ผมดีใจกับการฟอร์มการเล่น แต่ผิดหวังกับผลการแข่งขัน เราคิดว่า เราสมควรเป็นผู้ชนะ เราแสดงให้เห็นถึงบุคลิกอันยอดเยี่ยม หลายจังหวะน่าประทับใจมาก และมันทำให้เกมที่ 2 สมบูรณ์แบบ เพราะบางที พวกเขาจำเป็นต้องเปิดเกมมากขึ้น”
“มันยังเหลือเกมให้เล่น มันเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ และนั่นแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่เรากำลังสร้างขึ้นมา”
ขณะที่กูรูอย่าง มาร์ค ลอว์เรนสัน แห่งสำนักบีบีซีมองเกมนี้ว่า “เชลซีต้องรู้สึกประหลาดใจ จากแนวทางของลิเวอร์พูลในการกลับมา มันเป็นประตูที่สุดยอดจาก ราฮีม เสตอร์ลิง เพราะการกระชากของเขา ไม่มีกองหลังเชลซีรายไหนเข้าใกล้เขาได้เลย ผู้เล่นคนสุดท้ายที่เขาลากผ่านคือ แกรี่ เคฮิลล์ และดูเหมือนเคฮิลล์มีก้อนหินถ่วงอยู่ที่รองเท้า”
หงส์ชนะแต้ม แต่เสียเปรียบในผลการแข่งขัน แม้กฎอเวย์โกลจะถูกนำมาใช้ในกรณีหลังต้องต่อเวลาพิเศษกระนั้น เพียงประตูเดียวที่เสียไปในเกมใหญ่อย่างนี้ อาจส่งผลมหาศาลในบั้นปลาย
สแตมฟอร์ด บริดจ์ นี่คือป้อมปราการสุดหินของเชลซี 15 นัดในรังรวมทุกรายการฤดูกาลนี้ หากเราไม่เคยเพลี่ยงพล้ำ และเป็นฝ่ายชนะถึง 14 เกม!
ไม่เพียงเท่านั้น มูรินโญ่ยังรู้วิธีในการหักปีกหงส์ยามเล่นในบ้านตัวเอง ด้วยผลงานชนะถึง 5 จาก 7 เกมในทุกรายการ โดยไม่เคยพ่ายแพ้
ที่ต้องกาหมึกแดงตัวโต ๆ คือ ในยุคของเขา เชลซีเสียประตูในรังให้ลิเวอร์พูลแค่ลูกเดียว! (เกมลีกนัดล่าสุดที่เจอกันเมื่อปลายปี 2013 จาก มาร์ติน สเคอร์เทล)
เมื่อปิดเกมไม่ได้ งานของ “หงส์แดง” ในอีก 7 วันข้างหน้า หนักหนาสาหัสแน่เกลอเอ๋ย