ลิเวอร์พูล ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เก็บกระเป๋ากลับบ้านอำลาศึก ยูโรปา ลีก เพียงแค่รอบ 32 ทีมสุดท้าย หลังแพ้ช่วงยิงจุดโทษตัดสินให้ เบซิคตัส 4-5 โดยเป็น เดยัน ลอฟเรน ที่ยิงพลาดคนสุดท้าย ส่วน ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ตกรอบเช่นกัน
       

       ยูโรปา ลีก
       เบซิคตัส 1-0 ลิเวอร์พูล
       (ผลประตูรวม 1-1 แต่ เบซิคตัส เข้ารอบหลังชนะจุดโทษ 5-4)

ศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดสอง เกมที่ อตาเติร์ก สเตเดียม เบซิคตัส ทีมดังจากลีก ตุรกี ลงสนามเผชิญหน้า ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่จาก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ โดยนัดแรกเป็น “หงส์แดง” เฉือน 1-0 ในบ้าน ส่วนเกมนี้เจ้าบ้านวาง เดมบา บา ยืนหน้าเป้า ส่วนทีมเยือนใช้ มาริโอ บาโลเตลลี คู่ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ล่าตาข่าย

ช่วง 10 นาทีแรก ทั้งคู่ยังหาจังหวะเข้าทำไม่ได้ จนมา นาที 17 เบซิคตัส ได้ลุ้นครั้งแรก โอลคาย ซาฮาน เปิดเรียดเข้ากลางให้ เดมบา บา ชาร์จแต่โดน มาร์ติน สเคอร์เทล สกัดทิ้ง ขณะที่ นาที 19 ลิเวอร์พูล แลกหมัดสวน ราฮีม สเตอร์ลิง ซัดเปรี้ยงนอกเขตโทษแต่ เกงค์ โคเนน ปัดทิ้งปลายมือ

ลิเวอร์พูล เล่นดีขึ้น นาที 27 โจ อัลเลน เปิดบอลจากมุมธงขวายาวมาถึง มาร์ติน สเคอร์เทล เทกตัวโหม่งแต่ข้ามคาน ถัดมาอีก นาที 32 จังหวะสวน มาริโอ บาโลเตลลี ไหลสั้นๆให้ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ยึกยักหลอกคู่แข่ง 3-4 ตลบ ทว่าตกม้าตายยิงไปตรงตัวของ เกงค์ โคเนน นายด่านเจ้าบ้าน

เบซิคตัส โดนนวดอยู่นานก็มาได้ลุ้นบ้าง นาที 41 โอลคาย ซาฮาน หาช่องซัดเข้าไปที่เสาแรกแต่ ซิมง มิโญเลต์ ยังไม่เผลอป้องกันได้ จบครึ่งแรก เสมอกัน 0-0 แต่ “หงส์แดง” มีประตูตุนจากเกมแรกอยู่ 1 เม็ด

ครึ่งหลังกลับมา เจ้าบ้านบุกแหลก นาที 53 โกคาน โทเร จ่ายให้ โชเซ โซซา ล็อกเข้าช่องแล้วกดไปที่เสาแรกแต่ ซิมง มิโญเลต์ ล้มตัวรับไว้ทัน ต่อมา นาที 69 เบซิคตัส เกือบทำได้ โทลกาย อาร์สลาน ตัวสำรอง เหลือบซ้ายแลขวาซัดไกล แต่บอลเลี้ยวโค้งหลุดเสาน่าเสียดาย

แต่แล้วในที่สุด นาที 71 เบซิคตัส ก็เอาจนได้ โทลกาย อาร์สลาน วิ่งมาเก็บบอลหน้าประตูแล้วกดด้วยซ้ายบอลเสียบเสาทำให้เจ้าบ้านนำ 1-0 ส่วนฝั่ง ลิเวอร์พูล พยายามเดินเกมเพื่อตีเสมอแต่สุดท้ายทำไม่ได้ จบ 90 นาที เบซิคตัส ชนะ 1-0 แต่ผลประตูรวมเท่ากัน 1-1 ต้องไปวัดกันต่ออีก 30 นาที

ลุยช่วงต่อเวลา นาที 99 เบซิคตัส เกือบได้ประตูสำคัญ เดมบา บา ลากขึ้นมาทางขวาแล้วกดเต็มข้อแต่ ซิมง มิโญเลต์ ยังเหนียวทุบทิ้งได้อีก ต่อมา นาที 115 เดมบา บา มาอีกรอบ คราวนี้พาบอลออกขวาแล้วตวัดยิงกลับมาแต่ข้ามคานอีก สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ ต้องมายิงจุดโทษตัดสินให้รู้ดำรู้แดง

เบซิคตัส เริ่มก่อนโดย 5 คนที่ออกมา เดมบา บา, โกคาน โทเร, เวลี คาฟลัค, อติบา ฮัตชินสัน และ โทลกาย อาร์สลาน ยิงเข้าหมด ส่วน ลิเวอร์พูล 4 คนแรก ริคกี แลมเบิร์ต, อดัม ลัลลานา, เอ็มเร ชาน, โจ อัลเลน ซัดไม่พลาดแต่แล้วคนสุดท้าย เดยัน ลอฟเรน กลับยิงข้ามคาน จบเกม เบซิคตัส ได้ไปต่อหลังชนะจุดโทษ ลิเวอร์พูล 5-4

ส่วนผลอีกคู่ที่ลงเตะเวลาเดียวกัน ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ อีกตัวแทนจาก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เก็บกระเป๋ากลับบ้านหลังบุกไปแพ้ ฟิออเรนตินา ทีมจาก เซเรีย อา อิตาลี 0-2 จากประตูของ มาริโอ โกเมซ นาที 54 และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาที 71 ทำให้ “ม่วงมหากาฬ” เข้ารอบด้วยผลประตูรวม 3-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เบซิคตัส – เกงค์ โกเนน, เซอร์ดาร์ คูร์ตูลัส, เปโดร อูยัว, เนซิป อูซัล, ดาเนียล โอปาเร, โชเซ โซซา, โกคาน โทเร, เวลี คาฟลัค, โอลคาย ซาฮาน, อติบา ฮัตชินสัน, เดมบา บา
ลิเวอร์พูล – ซิมง มิโญเลต์, โคโล ตูเร, เดยัน ลอฟเรน, มาร์ติน สเคอร์เทล, อัลเบร์โต โมเรโน, เอ็มเร ชาน, โจ อัลเลน, ราฮีม สเตอร์ลิง, จอร์แดน ไอบ์, ดาเนียล สเตอร์ริดจ์, มาริโอ บาโลเตลลี

สรุปผลการแข่งขันคู่อื่นที่แข่งเวลาเดียวกัน

เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) ชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน (ฮอลแลนด์) 3-0 (เซนิตฯ เข้ารอบสกอร์รวม 4-0)

ดินาโม มอสโก (รัสเซีย) ชนะ อันเดอร์เลช (เบลเยียม) 3-1 (มอสโก เข้ารอบ ชนะสกอร์รวม 3-1)

ฟิออเรนตินา (อิตาลี) ชนะ สเปอร์ส (อังกฤษ) 2-0 (ฟิออเรนตินา เข้ารอบ ชนะสกอร์รวม 3-1)

ซัลซบวร์ก (ออสเตรีย) แพ้ บียาร์เรอัล (สเปน) 1-3 (บียาร์เรอัล เข้ารอบ ชนะสกอร์รวม 4-1)

อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) ชนะ เชลติก (สกอตแลนด์) 1-0 (อินเตอร์ เข้ารอบ ชนะสกอร์รวม 4-3)

ดินาโม เคียฟ (ยูเครน) ชนะ แก็งก็อง (ฝรั่งเศส) 3-1 (เคียฟ เข้ารอบ ชนะสกอร์รวม 4-3)

ลิเกีย วอร์ซอว์ (โปแลนด์) แพ้ อาแจ็กซ์ (ฮอลแลนด์) 0-3 (อาแจ็กซ์ เข้ารอบ ชนะสกอร์รวม 4-0)

ขอบคุณเพื่อนๆนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ทุกๆคนนะครับ ขอบคุณที่ติดตามบล๊อกแทงบอลออนไลน์  https://www.icerbet.com มาโดยตลอดครับ หวังว่าจะได้รับความไว้วางใจในฐานะเพื่อนๆวงการบอลเหมือนเช่นนี้ตลอดไปครับ ขอบคุณครับ