อาร์เจนฯ ‘เดนส์’ เดือด
สวัสดีครับเพื่อนๆนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ทุกๆคนครับ ตอนนี้รู้สึกว่าทีมที่น่าจะเป็นทีมทำเงินดีๆในฟุตบอลโลกครั้งนี้
“ฟุตบอลไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยคน ๆ เดียว” วลีนี้ไม่รู้ว่าใครกล่าวเอาไว้ อาจจะใช้ได้กับนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ในทุกวันนี้ แต่ไม่ใช่กับ ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่เคยร่ายมนตร์เพลงแข้งพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกมาแล้วเมื่อปี 1986
เวิลด์ คัพ 86 ฉบับเม็กซิโก ถือเป็นฟุตบอลโลกที่มีผู้คนจดจำมากที่สุดครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกับแฟนบอลชาวอังกฤษที่ไม่มีวันลืมลง
จากวีรกรรมเอามือปัดบอลเข้าประตู ก่อนพาบอลแหวกผู้เล่นสิงโตคำรามครึ่งทีมจากกลางสนามพร้อมกับ ปีเตอร์ ชิลตัน ผู้รักษาประตูก่อนยิงเข้าไป ขึ้นแท่นเป็นสุดยอดลูกยิงในฟุตบอลโลกมาจนถึงทุกวันนี้ โดยที่หลังเกม “เสือเตี้ย” ออกมาบอกว่ามันคือ “หัตถ์พระเจ้า” เล่นเอาแฟนบอลผู้ดีหมายหัวเขาเอาไว้เลย รวมถึงยามที่ทั้งสองทีมมาเจอกัน เรื่องนี้จะถูกขุดขึ้นมาพูดอยู่เสมอ
สุดท้ายในฐานะกัปตันทีม มาราโดน่า พาทีมฟ้า-ขาวเข้าไปคว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ เป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 ในรอบ 3 หน หลังจากที่เพิ่งคว้าแชมป์สมัยแรกมาเมื่อปี 1978
ในปี 1990 มาราโดน่า ยังเป็นกัปตันทีมพาอาร์เจนตินา ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างจากหนที่แล้วอย่างสิ้นเชิง กัปตันทีมยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียวแถมเกือบพาทีมตกรอบในรอบรองชนะเลิศที่พบกับยูโกสลาเวีย ที่ต้องดวลจุดโทษหลังเสมอกัน 0-0 ใน 120 นาที เขาสังหารจุดโทษเป็นคนที่ 3 แต่พลาด หลังจากที่เพื่อน 2 คนซัดตุงตาข่ายหมด ยังดีที่ทีมจากยุโรปครานั้นไปพลาด 2 คนสุดท้ายตกรอบไป
แต่คราวนี้เป็นเยอรมัน ตะวันตก ที่แก้แค้นได้หลังจากที่พ่ายเมื่อ 4 ปีก่อน ทำให้อาร์เจนตินา หยุดแชมป์โลกไว้ที่ 2 สมัยเท่านั้น และมันยังยืนยนมาจนถึงทุกวันนี้
รอบแบ่งกลุ่ม ชัยชนะ 3 เกมติดถือเป็นอะไรที่สุดยอด แต่หากใครได้ดูทั้ง 3 เกมติดถือเป็นอะไรที่สุดยอด แต่หากใครได้ดูทั้ง 3 เกม คงไม่มีเกมไหนที่สร้างความประทับใจได้เลย ชนะ บอสเนียฯ แบบหวุดหวิด 2-1, เชือด อิหร่าน จากประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และเบียดไนจีเรีย ในเกมที่เสียถึง 2 ลูก
ความหวังทั้งหมดทั้งมวลถูกโยกไปอยู่บนบ่าของลิโอเนล เมสซี่ ที่ต้องรับภาระหน้าที่ในการทำประตูให้ทีม 4 ลูกให้ทีม ก่อนที่ มาร์กอส โรโฆ จะมาแบ่งเบาไป 1 ประตูจากเกมที่พบกับอินทรีมรกต
แล้วแนวรุกคนอื่น ๆ ทำอะไรอยู่
กอนซาโล่ อิกวาอิน ที่เหมือนจะทำได้ดี แต่สุดท้ายก็ยังหาความแน่นอนไม่ได้ เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ที่เก่งเหลือเกินยามเล่นให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทีมไม่ใช่ส่วนเติมเต็ม และอาการบาดเจ็บจากเกมล่าสุด อาจต้องรอให้ทีมผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศหากหวังจะกลับมาลงสนามอีกครั้งในบอลโลก
เฟร์นานโด กาโก้ กองกลางตัวตัดเกม แต่บ่อยครั้งปล่อยให้คู่แข่งผ่านไปเฉย ๆ จังหวะไล่เบียด เข้ากดดันคู่ต่อสู้หรือแย่งบอลได้แทบไม่มีให้เห็น ไม่ต้องไปพูดถึงเกมรุกหวังพึ่งไม่ได้อยู่แล้ว
เอเซเกล การาย กับ เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ สองปราการหลังตัวกลาง ถามว่าแกร่งหรือไม่ ก็เพียงแค่ในระดับนึง แต่ไม่ใช่ว่าจะไว้วางใจอะไรได้ เจอกองหน้าจี๊ด ๆ ขึ้นมาตายแน่ เพราะรอบแบ่งกลุ่มก็เห็นมาแล้วกับไนจีเรียนี่เองที่โดน อาห์เหม็ด มูซ่า กดไป 2 ลูก
คนที่ดูจะช่วยได้ก็คือ เอเซเกล ลาเวซซี่ ที่โชว์ฟอร์มถือว่าน่าประทับใจในเกมที่แล้วที่ลงมาแทน กุน และ อาจจะได้เล่นต่อเนื่องเมื่อกองหน้าจากทีม “เรือใบ” เจ็บถือเป็นคนที่ช่วยแบ่งเบาภาระของ เมสซี่ ได้มีสปีดความเร็วช่วยทำทางให้ได้ ส่วน อิกวาอิน เหมือนจะยังไม่เข้าใจกันสักเท่าไร
ส่วน อังเคล ดิ มาเรีย ดูจะเอาเวลาไปใช้กับการเลี้ยงซะมากกว่า บ่อยครั้งการตัดสินใจส่งผลเสียกับทีมมากกว่าส่งประโยชน์
แต่เมื่อตัวความหวังอย่าง กุน พึ่งไม่ได้แถมโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน เช่นเดียวกับอิกวาอิน ทุกอย่างเลยมาตกที่เมสซี่ แต่เพียงผู้เดียว
ตลอด 3 เกมที่ผ่านมา หากไม่มีดาวยิงสูงสุดของทีมผู้นี้ อาร์เจนตินา คงตกรอบไปแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย นี่คือคนที่สร้างความแตกต่าง ที่สำคัญคืออันตรายตลอด 90 นาทีรวมเวลาทดเจ็บไปด้วย
ทุกประตูที่ทำได้ส่งให้ทีมคว้าชัยชนะ ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะเป็นคนเดียวที่คว้าตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ทั้ง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่มเพียงคนเดียวในบอลโลกหนนี้
ทุกเกมที่ลงสนามสร้างให้ ลิโอเนล เมสซี่เหมือนกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า ขึ้นไปทุกที เพียงแต่ในบอลโลก 86 ทั้ง 14 ประตูที่ทีมฟ้า-ขาวทำได้ มีส่วนของเสือเตี้ยแค่ 5 ลูกเท่านั้น มีเพื่อนคอยช่วยเหลือตลอด แค่แต่ละลูกเป็นประตูสำคัญและความสามารถที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น
ในรอบแบ่งกลุ่ม อาร์เจนตินา ยิงได้ 5 ลูกบวกการทำเข้าประตูตัวเองของคู่แข่งอีกเม็ด เป็นผลงานของเมสซี่ ไปแล้ว 4 ลูก แต่ละประตูส่วนสำคัญส่งให้ทีมคว้าชัยชนะทั้งนั้น
เกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายจะพบกับสวิตเซอร์แลนด์ ที่การขาด สตีฟ ฟอน เบอร์เก้น เซนเตอร์สำคัญส่งผลกระทบกับทีมอย่างมาก เห็นได้ชัดในเกมที่โดนฝรั่งเศสอัดยับมา 5-2
คู่นี้เจอกันมาในบอลโลกหนเดียวย้อนไปเมื่อปี 1966 ในรอบแบ่งกลุ่ม เป็นอาร์เจนตินา ที่เอาชนะไปได้ 2-0 หลังจากนั้นเจอกันในเกมกระชับมิตรอีก 3 หน สวิสไม่ชนะเลยเสมอ 2 แพ้ 1 แต่ว่ายิงประตูได้ทุกเกมเช่นเดียวกับอาร์เจนตินา
ทีมจากแดนนาฬิกาถือว่าเก่งถูกจังหวะโดยเฉพาะ เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่ทำแฮตทริกให้ทีมชนะ ฮอนดูรัส 3-0 ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ทั้งที่สองเกมก่อนหน้านั้นต้องบอกว่าเล่นสุนัขไม่รับประทาน
เกมนี้คงเป็นการดวลกันของเมสซี่ และชากิรี่ โดยที่หัวหอกฟ้า-ขาวเหนือกว่าชัดเจน โดยที่มีเพื่อนร่วมทีมที่คอยช่วยเป็นตัวเสริม ด้วยศักยภาพของอาร์เจนตินา ที่ดูเหนือกว่าพร้อมกับอาวุธหนักอย่าง เมสซี่ ที่กำลังมั่นใจสุดขีดจะทำให้เพื่อนร่วมทีมคึกคักตามไปด้วย
เว้นซะแต่ อเลฮานโดร ซาเบย่า จะทำให้แฟน ๆ ฟ้า-ขาวเซ็งเท่านั้น