เข้มข้น! ฮุมเมลส์โขกโทน เยอรมันเฉือนตราไก่เข้ารอบรองฯ 0-1
สวัสดีครับเพื่อนๆนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ทุกๆคน มาดูข่าวบอลวันนี้กันดีกว่าครับ ว่ามีอะไรกันบ้างสำหรับวันนี้นั้นมาข่าวจากทางฝากฝั่งฟุตบอลต่างประเทศมาฝากกันครับ
เกมสุดเข้มข้นตลอด 90+4 นาที จบลงด้วยชัยชนะของอินทรีเหล้ก จากประตูโทนของแนวรับตัวเก่ง
ดิดิเยร์ เดสชองส์ ไว้ใจให้อองตวน กรีซมันน์ ออกสตาร์ทตัวจริงแทนที่โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เช่นเดียวกับมามาดู ซาโก้ เซ็นเตอร์วัยรุ่น ได้ลงมาเป็นตัวจริงแทนรุ่นพี่อย่างโลรองต์ กอสเซียลนี ส่วนโยอาคิม เลิฟ จัดทัพถูกใจแฟน อินทรีเหล็กเหลือหลาย ให้ฟิลิปป์ ลาห์ม กลับไปยืนแบ็คขวา ใส่ มิโรสลาฟ โคลเซ สิงห์เฒ่าวัย 36 ลงมาตามหาประตูที่ 16 ในฟุตบอลโลกของเขา
เริ่มครึ่งแรก เกมเป็นของเยอรมันอย่างรวดเร็วและมั่นคงด้วยแทคติกบีบแนวกลาง – หลัง เข้ามาชิดกัน แต่ตราไก่ก็ได้ทักก่อนจาก อองตวน กรีซมันน์ ได้บอลในกรอบเขตโทษก่อนเปิดย้อนกลับมาให้ คาริม เบนเซมา แปเน้นๆบอลหลุดกรอบไปนิดเดียว
แต่อีกไม่ถึง 10 นาที อินทรีเหล็กก็ได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะฟรีคิกทางมุมซ้ายของกรอบเขตโทษ โทนี โครส เปิดเข้าเขตโทษ แมตต์ ฮุมเมลส์ เบียด ราฟาเอล วาราน ปลิว แล้วโขกเข้าไปอย่างสุดคม เยอรมันขึ้นนำ 0-1 เป็นประตูที่สองในทัวร์นาเมนต์ของแนวรับโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์
ฝรั่งเศสเสียอาการไปเลย เยอรมันเดินเกมใส่สบายเท้า น. 23 โคลเซ ได้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนโดน เดอบูชี ดึงล้มลง แต่ผู้ตัดสินโบกมือบอกไม่มีอะไรเกิดขึ้น มิโรฉุนไม่น้อย
ต้องรออีกพักใหญ่กว่าตราไก่จะกลับมามีลุ้นประตูบ้าง เมื่อ เบนเซมา ได้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษด้านขวาก่อนเปิดไปหน้าประตูให้ มาติเยอ วัลบูเอนา แต่งบอลหนึ่งจังหวะและสับไกยิงแต่ มานูเอล นอยเออร์ ฟอร์มยังโหดต่อเนื่อง เซฟลูกนี้ได้อย่างสุดยอด
ท้ายครึ่งแรกฝรั่งเศสน่าได้ประตูตีเสมอสุด ๆ เมื่อ ปอล ป็อกบา เปิดบอลยาวให้ เบนเซมา จับบอลลงในเขตโทษด้านซ้าย ก่อนเลี้ยงตัดเข้าในแล้วสับไกยิงเต็มข้อ แต่บอลยังไปตรงตัวนอยเออร์อย่างน่าเจ็บใจ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-1
ครึ่งหลัง ดิดิเยร์ เดสชองส์ แก้เกมด้วยการทิ้งบอลยาวใส่พื้นที่ว่างอันเกิดจากแท็คติกของโยอาคิม เลิฟ เอง และก็ดูจะได้ผลทันที เมื่อเกมบุกตราไก่ดูได้น้ำได้เนื้อกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่ผ่านความเหนียวแน่นของแนวรับอินทรีเหล็ก ที่แน่นอนเหลือเกนในจังหวะสุดท้าย
เข้านาทีที่ 60 กองเชียร์ เลส์ เบลอส์ ร้องซี๊ดซ้าด เมื่อ แบลส มาตุยดี้ เอาชนะ ฟิลิปป์ ลาห์ม ได้ทางริมเส้นด้านซ้าย ก่อนปาดเรียดมาหน้าประตู บอลจะถึง เบนเซมา อยู่แล้ว แต่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ไม่รู้มาจากไหนสกัดทิ้งได้อย่างหวุดหวิด สมเป็นกระดูกสันหลังของทีมโดยแท้
อีก 10 นาทีต่อมา โยกี้ เลิฟ ไม่ให้โอกาสโคลเซตามหาประตูประวัติศาสตร์ของตัวเองต่อ ถอดเอามาพักแล้วส่งอันเดร ชูร์เล ตัวสำรองขาประจำลงมาแทน
ถัดมานาทีเดียว มามาดู ซาโก้ หวิดจะทำเสียเรื่อง จ่ายบอลเสียให้ โครส หน้ากรอบเขตโทษเสียอย่างนั้น ก่อนที่มิดฟิลด์เนื้อหอมจะไหลบอลให้ มุลเลอร์ กึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าประตูบอลหลุดกรอบไปนิดเดียว จบจังหวะนี้ เดสชองสืส่งกอสเซียลนีลงมาแทนซาโก้ทันที ตามด้วย โลอิก เรมี เพื่อล่าประตูตีเสมอ
ฝรั่งเศสใส่เกียร์ห้าล่าประตูสุดชีวิต แต่กำแพงเหล็กของแชมป์โลก 3 สมัยนั้นหนาแน่นเหลือใจ น.75 จากจังหวะขลุกขลิกในกรอบเขตโทษบอลมาเข้าทาง เบนเซมา ได้สับไกยิงแต่ ฮุมเมลส์ เข้ามาบล็อคได้สวย
เลส์ เบลอส์ บุกหน้ามืดแบบนี้ก็ต้องโดนสวนเจ็บ ๆ บ้าง มุลเลอร์ กระชากหนี เอฟรา ขึ้นมาทางด้านขวาก่อนหักกลับมาให้ ชูร์เล ยิงเน้นๆบริเวณจุดโทษแต่ไปติดบล็อค วาราน เลิฟเสียดายสุดขีด
เกมเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที ทุกคนขึ้นหน้าบุกแหลก ทิ้ง อูโก้ โยริส ไว้หลังบ้านคนเดียว และเกือบทำสำเร็จจากจังหวะหลุดขึ้นมาทางซ้ายของเบนเซมา ยิงมุมแคบคมกริบ แต่นอยเออร์ปัดมือเดียวได้สุดยอดไม่แพ้กัน
และเกมจบลงที่สกอร์นี้ ฝรั่งเศสแพ้เป็นนัดแรกในทัวร์นาเมนต์ ด้วยประตูเดียว และพวกเขาต้องกลับบ้านไปในเกมนี้เอง
ที่มา: GOAL