เชลซีกับแชมป์แบบน่าเบื่อ
สวัสดีครับเพื่อนๆนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ทุกๆคนครับเชลซี เขยิบเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกเข้าไปทุกทีแล้วนะครับ
พวกเขาต้องการอีกแค่ 3 แต้มเท่านั้นซึ่งนั่นหมายความว่าหากเอาความปราชัยไปยัดเยียดให้ผู้มาเยือนอย่าง คริสตัล พาเลซ ในวันอาทิตย์นี้ได้สำเร็จ พลพรรคสิงห์บลูส์ก็จะกะซวกแชมป์อย่างรวดเร็วก่อนจบฤดูกาลถึง 3 นัด!
อืมมมม…ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด “ดิ อีเกิ้ลส์” ถูกจับมาบูชายันต์ต่อหน้า “บลู อาร์มี่” ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แน่ และวันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม เชลซี จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2014-15
นี่คือแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 3 ของ โชเซ่ มูรินโญ่ จากการคุม เชลซี ในเวลาเพียงแค่ 5 ฤดูกาลเศษๆ เท่านั้น (คือคุณพี่เขาถูกปลดจากตำแหน่งในช่วงต้นฤดูกาล 2007-08) เรียกว่าเกิดมาเพื่อเป็นแชมป์ขนานแท้ แถมในอนาคตอาจสถาปนาตัวเองเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอันดับหนึ่งตลอดกาล…ก็…เป็น…ได้
ตอนอยู่ที่โปรตุเกส “จ่ามู” ช่วยให้ ปอร์โต้ พุ่งเข้าชนแชมป์ลีกสูงสุด 2 สมัย, โปรตุกีส คัพ 1 สมัย, ยูฟ่า คัพ 1 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
ที่ อิตาลี-อินเตอร์ มิลาน จากภูมิปัญญาของ โชเซ่ มูรินโญ่ อหังการถึงขั้นคว้า “ทริปเปิลแชมป์” เมื่อ 2010 โดยแบ่งเป็น กัลโช่เซเรีย อา 2 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
ส่วนตอนคุม เรอัล มาดริด ก็ได้แชมป์ทั้ง ลา ลีกา และ โกปา เดล เรย์ อย่างละ 1 สมัย
จึงพอจะสรุปความสำเร็จของ โชเซ่ มูรินโญ่ นับตั้งแต่ประกอบอาชีพผู้จัดการทีมหรือโค้ชได้ดังนี้ – แชมป์ลีกสูงสุด 8 สมัย
– แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย
– แชมป์ ยูฟ่า คัพ 1 สมัย
– แชมป์ เอฟเอ คัพ 4 สมัย
– แชมป์ ลีก คัพ 3 สมัย
หมายเหตุ : ไม่ขอนับพวก “ซูเปอร์คัพ” หรือโล่การกุศลอะไรแบบนั้นนะครับ
จบฤดูกาล คุณศรีภรรเมียคงบ่นว่า…มึงจะเอาเหรียญรางวัลเข้ามาให้มันรกบ้านอีกทำไมคะ? (ว่าแล้วก็ต้องแสดงน้ำใจด้วยการจัดให้เธอสักดอก)
เกียรติประวัติหรือความสำเร็จในรูปแบบถ้วยรางวัลยังเป็นรองบรมกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดถึง 16 สมัย, เอฟเอ คัพ 9 สมัย, ลีกคัพ 5 สมัย, คัพ วิเนอร์ส คัพ (ศักดิ์ศรีสูงกว่า ยูฟ่า คัพ) 2 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย จากการคุมทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ อเบอร์ดีน
อย่างไรก็ตาม
ณ จุดนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ เพิ่งจะเจริญพรรษาแค่ 52 เท่านั้น
ตอนอายุเท่ากัน คุณป๋าแกยังไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยคุณ!
นั่นหมายความว่า…กว่าจะอำลาอาชีพนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ บางทีกุนซือที่เรียกตัวเองว่า “เดอะ สเปเซี่ยลวัน” อาจจะถูกเหรียญรางวัลที่บ้านหล่นใส่จนคอหักตายเสียก่อน…ก็…เป็น…ได้
หลังจากที่ เชลซี ไม่ได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยได้แค่อันดับที่ 3 ผมว่า “จอมคน” อย่างเฮียแกคงรู้สึกเสียฟอร์มมิใช่น้อย
พุทโธ่! ก็จะไม่เสียฟอร์มได้อย่างไรล่ะครับท่านผู้ชม ในเมื่อ “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช สู้อุตส่าห์ลืมเรื่องบาดหมางยอมกระชากตัวกลับมาคุม เชลซี อีกครั้งเพื่อกาลนี้โดยเฉพาะ
ว่าแล้วก็จัดการแก้ปัญหาอย่างชัดแจ้งแทงตรงจุดมาก
ปัญหาของ เชลซี เมื่อฤดูกาลที่แล้วอยู่ที่ผู้เล่นในแผนกกองหน้า
ทั้ง เฟร์นานโด ตอร์เรส, ซามูเอล เอโต้ และ เดมบา บา ยิงประตูรวมกันได้กระจุ๋มกระจิ๋มเหลือเกินชนิดเสียชาติเกิดมาเป็นกองหน้า ขณะที่ขุมกำลังอื่นๆ ถือว่าแข็งแกร่งและมีคุณภาพ ปัญหาอยู่ที่กองหน้านี่แหละ
นักเลงลูกหนังระดับ แกรนด์ กูรู ผู้บรรลุโสดาบันบนกระดานหมากเตะบางคนเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าปัญหามันอยู่ตรงจุดไหนก็ให้แก้ตรงจุดนั้น
นั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม เฟร์นานโด ตอร์เรส, ซามูเอล เอโต้ และ เดมบา บา ถึงถูกโละออกไปหมดเลย แล้วจ่ามูแกก็ขอเงินโคตรมหาเศรษฐีเจ้าของทีมไปซี ดีเอโก้ คอสต้า มาจาก แอต.มาดริด บวกด้วยอะไหล่ชั้นดีอย่าง โลอิก เรมี่ และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เรียกว่ามีทั้งความสดและความเก๋า-สามารถเลือกใช้ประโยชน์ของแต่ละคนได้ตามสถานการณ์
เท่านั้นไม่พอครับ
ไหนๆ เปลี่ยนพนักงานในแผนกกองหน้าแล้วก็เสริมตำแหน่งอื่นๆ ด้วยซะเลย เชส ฟาเบรกาส จึงถูกดึงเข้ามาเสริมให้แดนกลางมันบรรลัยกัลป์มากยิ่งขึ้น แถมยังดึง ติโบต์ กูร์กตัวส์ จาก แอต.มาดริด กลับมาเฝ้าเสาอีกคน
เห็นตัวผู้เล่นของ เชลซี ตอนก่อนเปิดฤดูกาลนี้ก็พอจะบอกได้แล้วล่ะครับว่า “มึงเอาแชมป์ไปเหอะ”
จริงๆ มึงแชมป์ไปเหอะ ผมหล่นประโยคนี้บนความมั่นใจแบบเต็มประดา ตั้งแต่ 10 นัดแรกผ่านไป
แล้วก็ไม่มีอะไรพลิกความคาดหมาย แถมยังพุ่งเข้าเส้นชัยแบบม้วนเดียวจบซะด้วย
ทีนี้ถามว่า เชลซี จากภูมิปัญญาของ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นแชมป์ที่น่าเบื่อจริงหรือเปล่า?
ผมว่าจริงครับ น่าเบื่อบรรลัย
แต่ทว่าน่าเบื่อในความหมายของผมคือการที่เชลซี สมบูรณ์แบบเสียจนไม่มีคู่ขับเคี่ยวนะครับ
ย้อนกลับไปฤดูกาล 2004-05 ลูกทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็มาแรงตั้งแต่ต้นจนจบ ตลอดฤดูกาลแพ้แค่เสียไปแค่ 15 ประตู มันบ้าไปแล้ว ว่าไหม…เสียได้ไงแค่ 15 ประตู มิหนำยังทิ้งห่างทีมอันดับ 2 อย่างอาร์เซน่อล 12 แต้ม
ฤดูกาลต่อมา (2005-06) ก็แทบจะไม่แตกต่างเมื่อพลพรรคสิงห์น้ำเงินเปิดตัวด้วยการชนะ 9 นัดติดต่อกันโกยคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น สุดท้ายสะสมได้สูงถึง 91 แต้ม เสียไปแค่ 22 ประตู โดยทิ้งห่างรองแชมป์อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด 8 แต้ม
สำหรับฤดูกาลนี้ก็แทบจะไม่ต่างจาก 2 ฤดูกาลแรกที่กุนซือจอมโอหังเสกให้ เชลซี เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก คือนำโด่งตั้งแต่ออกสตาร์ตและคว้าแชมป์ล่วงหน้าก่อนจบฤดูกาลแบบไม่มีคู่ขับเคี่ยวที่แท้จริง โดยอาจทิ้งห่างคู่แข่งมากกว่า 10 แต้ม
ฤดูกาล 2004-05, 2005-06 และ 2014-15 จึงจัดเป็นฤดูกาลที่การเชือดเฉือนเพื่อแย่งแชมป์ไม่สนุกสนานและสะเด่าไปเลยอีน้องเท่าที่ควร เหตุเพราะไม่มีคู่แข่งที่มาคอยห้ำหั่นกับ เชลซี อย่างถึงใจพระเดชพระคุณ
โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีมที่มีอาการทางจิตอย่างรุนแรง คือทั้งละเอียดและรอบคอบ แถมยังเน้นทุกดอกโดยไม่มีคำว่าประมาทในพจนานุกรมส่วนตัว
วิธีการของเขาคือประเมินคู่แข่งในแต่ละนัด ถ้าเจอทีมที่อ่อนกว่าก็จะจัดการอย่างรวดเร็วให้มันจบๆ ไป และหลังจากนำห่างก็จะเน้นเกมรัดกุมทันที
ต่อเมื่อเจอคู่แข่งเล่นอันตรายในพิกัดเดียวกันก็จะไม่มีความเสี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น เกมรับต้องเหนียวแน่งไว้ก่อน ว่าแล้วก็เช่ารถบัสจากเจ๊เกียวมาเตรียมไว้อย่างน้อย 2 คัน พลางสั่งให้ลูกทีมเล่นอย่างอดทนบนความมีวินัย รอจังหวะอย่างเลือดเย็น และฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แข่งทันทีที่มีโอกาส
เล่นแบบนี้ถึงแม้จะไม่ชนะ แต่ก็ไม่แพ้อย่างแน่นอน
นี่คือสไตล์ของ โชเซ่ มูรินโญ่
แถวบ้านเรียก “เอาตาย” ครับ
สรุปว่าไอ้ที่มันน่าเบื่อ ก็เพราะ เชลซีเน้นทุกดอกแบบนี้แหละ ถ้าฤดูการไหนที่ลูกทีมของ “เดอะ สเปเชี่ยลวัน” เป็นแชมป์ มันจะไม่มีความดราม่าเกิดขึ้น ไม่มีการพลิกไปพลิกมาหรือหักมุมในตอนจบเด็ดขาด – ไม่เชื่อลองสังเกตดูได้เลย
กระแทกนิ้วถึงบรรทัดนี้อาจจะมี “แฟนหอย” บางคนที่อ่านไม่ละเอียด หรือตีความไม่แตกหรืออ่านแค่หัวเรื่องแล้วก็เข้ามาโชว์โง่ในระบบโซเซียลตามสูตรว่า…มันเป็นกลยุทธ์ มันเป็นวิธีการเล่นที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ ทีมอื่นห่วยเองนี่หว่า หรือไม่มีกฎข้อไหนที่ห้ามไม่ให้เล่นแบบนี้สักหน่อย ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เชลซี เลยนะครับคุณพี่ครับ ไม่ได้บอกด้วยว่ามันผิดหรือไม่ดี ผมก็แค่เอาสไตล์การทำทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ กับความจริงที่เกิดขึ้นมาเขียนเท่านั้นเอง
อนึ่ง ในวันที่โลกเน่าๆ ของเราถูกครอบงำด้วยระบบออนไลน์จนก่อกำเนิดมนุษย์สายพันธุ์ใหม่อย่าง “มนุษย์เกรียน” ที่ชอบด่วนแสดงความเห็นมากกว่าอ่านให้ละเอียดเสียก่อน มันจึงจำเป็นต้องอธิบายให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น อีกหน่อยคงต้องแปลไทยเป็นไทยให้ด้วย
กระนั้นก็ดี
ในความยอดเยี่ยมของ เชลซี และฤดูกาลนี้ ผมดันมองเห็นผู้เล่นตำแหน่งหนึ่งที่ยังไม่ลงตัว
ตัวรินเส้นทางด้านขวาหรือกองหน้าทางด้านขวาในระบบ 4-2-3-1 ที่ยังไม่มีใครยึดตำแหน่งนี้ได้อย่างถาวร
ตำแหน่งนี้จะสลับกันไปเรื่อยระหว่าง วิลเลี่ยน, ออสการ์, รามิเรส, อันเดร เซือร์เล่ (ย้ายไปแล้ว), โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ปล่อยยืมตัว) และ ฮวน กวาดราโด้
ถ้าหาผู้เล่นที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ได้อย่างตายตัว เชลซี จะสมบูรณ์แบบมากขึ้น
แน่นอนถ้าคอลัมนิสต์อย่างผมเห็นยอดกุนซือวัย 52 ก็ย่อมมองเห็น
…ว่าแล้วสถาบันโคกอีแหลวขอเสนอ ราฮีม สเตอร์ลิง ดาวรุ่งพุ่งกระฉูดแตกผู้มีพยาธิตัวจี๊ดในลำไส้มากกว่า 280 หน่วยที่ยังไม่ยอมต่อสัญญาใหม่กับ ลิเวอร์พูล อิอิอิ
นี่ถ้าฤดูกาลหน้า โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เจ้าหนูหน้าเงินผู้นี้มาเสริมทัพ
ผมขอประกาศตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกันนะครับ
“มึงเอาแชมป์ไปเลยไป”