แทงบอลผีเดี้ยง-หงส์ดิ่ง
สวัสดีครับเพื่อนๆนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ทุกๆคน สัปดาห์ที่ 5 ของพรีเมียร์ลีก นอกเหนือจากอารืเซน่อลแล้ว บรรดาสโมสรระดับบิ๊กเนมต่างพลาดเก็บชัยชนะกันอย่างถ้วนหน้า
โอเคล่ะ แมนฯ ซิตี้ – เซลซี เจ๊าแบ่งแต้มกันไปย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ทีมใหญ่ทีมอื่นเล่า ? เอฟเวอร์ตัน พ่าย คริสตัล พาเลซคารัง 2-3 เช่นเดียวกับ สเปอร์ส ที่เสียท่า เวสต์บรอมวิช 0-1
แต่ที่ทำเอาสาวกส่ายหัวไม่เชื่อสายตา ย่อมเป็นความพ่ายแพ้ยับเยินของ “หงส์แดง” ที่โดน “ขุนค้อน” ทุบจมธรณี 3-1 แบบราบคาบ
ไม่ต่างกับบรรดา “เร้ด เดวิลส์” ที่นำเลสเตอร์ ซิตี้ห่าง 3-1 อยู่ดี ๆ จบเกมกลับพ่ายถึง 3-5 ซ็อกตาตั้งอีกราย
สกู๊ปชิ้นนี้ขอชำแหละถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสองยักษ์ใหญ่สีแดง
เริ่มต้นที่ลิเวอร์พูล
ความจริงวันนี้คือ พวกเขาไม่เหลือสภาพ “รองแชมป์” ที่ทำโทรฟี่หลุดมือใน 180 นาที เมื่อฤดูกาลก่อนยุคใหม่ที่ไร้หมายเลข 7 อหังการอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ง่อยเปลี้ยเสียขาไปแล้วงั้นหรือ?
นี่คือเหตุผล 5 ประการ สำหรับความพ่ายแพ้ยับเยินที่โบลีน กราวนด์
- แนวรับขวัญกระเจิง
ชัดเจนว่าแผงแนวรับของลิเวอร์พูลไม่ได้เตรียมตัวมาอย่างดีสำหรับการแข่งขัน และพวกเขาเสียถึง2
ประตูในช่วง 7 นาทีแรก
มาร์ติน สเคอร์เทล และ เดยัน ลอฟเรน ดูเหมือนระส่ำระสายขณะที่ ชิมง มิโญเล่ต์ ผิดพลาดในการยืนตำแหน่ง เมื่อทั้งสองอย่างมาฟีเจอริ่งกันแล้ว…มันก็บรรลัยล่ะคร้าบ!
เอาล่ะ เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม มันเป็นเรื่องที่อนุโลมได้ นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่ลอฟเรนและ สเคอร์เทลเป็นตัวจริงคู่ในตแหน่งอันเป็นหัวใจหลักแนวรับ แต่พวกเขาเป็นผู้เล่นรุ่นไลต์เวต และไม่อาจต้านทานพละกำลังและสภาพร่างกายของ เอ็นเนร์ วาเลยเซีย และ ดีอาฟร่า ซาโก้ ได้แม้แต่น้อย
ร๊อตเจอร์สแก้เกมด้วยการถอด ฆาเบียร์ มานกีโย่และให้ มามาดู ซาโก้ ลงเล่น หลังผ่านไปแค่ 20 นาที ด้วยการเล่นแซนเตอร์ฮาลฟ์ 3 ตัว และมันช่วยให้ลิเวอร์พูลเดินเกมไปข้างหน้ามากขึ้น
แต่แล้วลอฟเรนกับซาโก้ก็ขึ้นโหม่งปะทะกันเองเสียอีก ดูเหมือนพวกเขามีปัญหาในการสื่อสาร
บทสรุปคือ กองหลังชุดนี้ไม่มีตัวเลือกที่ดีเพียงพอและขาดผู้นำตัวจริง
- เสียสมาธิ
ทั้งหมดที่ถูกพูดถึง มีความรู้สึกมากมายเมื่อลิเวอร์พูลสตาร์ตไม่ติด ผิดกับเวสต์แฮมที่ลงโทษพวก
เขาอน่างเจ็บแสบ
มิโญเล่ต์พลาดเสียประตูให้ลูโดโกเรตส์ในเกม ชปล. เมื่อกลางสัปดาห์ ยืนผิดตำแหน่ง
สำหรับการรับมือฟรีคลิกของ สจ๊วร์ด ดาวนิ่ง ใน 90 วินาทีแรก และพร้อมให้ เจมส์ ทอมกิ้นส์ โหม่งลงพื้น ก่อน วินสตัน รีด ชาร์จเข้าไป
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และสเคอร์สเทลต้องมีส่วนรับผิดชอบสำหรับประตูนี้ด้วย จากการที่พวกเขาพลาดในการประกบคู่แข่ง
ส่วนประตูที่ 2 ที่ไล่หลังแค่ 6 นาที มิโญเล่ต์เสียหายหลายแสน เมื่อซาโก้ชิพเข้าสามเหลี่ยมเสาไกลอย่างเหนือชั้น มันเป็นการยิงที่สุ่มเสี่ยงระหว่าง “คลาสสิก” หรือ “เสียของ” ทว่าท้ายสุด อย่างแรกคือคำตอบ
- ครองบอลไม่ได้ในแดนกลาง
แซม อัลลาร์ไดซ์ สั่งให้ลูกทีมไล่กดดันลิเวอร์พูลด้วยเกมหนักอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในแดนกลาง และ “หงส์แดง” ไม่อาจสลัดมันหลุดตลอด 90 นาที
ที่เป็นเกมที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และเฮนเดอร์สันพร้อมใจกันเล่นอย่างห่วยแตก และ ลูคัส เลวาไม่อาจยกระดับของทีมได้ นอกจากนั้นแข้งบราซิเลียนถูกแทนที่ในครึ่งหลังด้วย อดัม อัลลาน่า นั้นเป็นความพยายามในการแก้เกมของร็อดเจอร์ส
ในทางกลับกันมิดฟิลด์เวสต์เวสต์แฮมเล่นกันได้อย่างสุดยอด คือ ซีกู กูยาเต้ เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นของเกมนี้
- เอาอะไรมาลุ้นประตู?
ฟาบิโอ บอรินี่ ยืนยันว่าต้องการอยู่ที่แอนฟิลด์ เพื่อต่อสู้แย่งตำแหน่งในทีม แต่เขาไม่ได้สร้างความ
เชื่อถือให้ตัวเองแม้แต่น้อย
กองหน้าอิตาเลียนโดนถล่มแหลกจากบรรดานักเลงคีย์บอร์ด หลังฟอร์มอันห่วยแตกและพลาดในการพิสูจน์ตัวเองสำหรับการขับเคลื่อนเกมรุกของลิเวอร์พูล
ร็อดเจอร์สให้โอกาสบอรินี่ก่อนหน้า ริคกี้ แลมเบิร์ด และส่งเขาเป็นตัวจริงนัดแรกในฤดูกาลนี้ และนั่นเป็นสิ่งที่แนวรับเวสต์แฮมลูบปากรออย่างสบานใจ
- บาโลยังคงเหมือนเดิม?
มีคำพูดมากมายจากร็อดเจอร์สที่บอกว่า บาโลเตลลี่เปลี่ยนแปลงตัวเองไปแล้ว หลังถูกจดจำใน
ฐานะตัวแสบมาอย่างต่อเนื่อง
แต่บีร็อดอาจต้องคิดใหม่ เมื่อเห็นบาโลเดลลี่ใช้หัวดันกับ อาเดรียน นายทวารคู่แข่ง หลังกองหน้าอิตาเลียนเข้าปะทะช้า แน่นอนมันเป็นปฏิกิริยาที่น่าผิดหวังสำหรับแฟนหงษ์
บางทีบาโลเดลลี่อาจช่วยทำประตูให้ทีม แต่สิ่งที่ยังเป็นเครื่องหมายคำตอบก็คือ เขายังเป็นคนเดิมที่พร้อมระเบิดความระห่ำแบบไม่ยั้งคิดอีกหรือเปล่า
นั่นคือ เหตุผลความยับเยินของ “มุมแดงแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์”
ขณะที่ “มุมแดงแห่งแมนเซสเตอร์” การนำห่างคู่แข่งถึง 3-1 แต่กลับพ่ายถึง 3-5 ถือเป็นเรื่องช็อกโลก มันเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับผู้จัดการทีมทุกคน เมื่อพวกเขาเผชิญหน้า เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา
หลังน้ำลดตอผุดที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ความจริงที่พบคือแนวรับของยูไนเต็ดเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง
หลุยส์ ฟาน กัล ยึดระบบแบ็กโฟร์สำหรับเกมนี้เช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อนที่ไล่ต้อนควีนส์ปาร์ค 4-0 มาร์กอส โรโฮ, จอนนี่ อีแวนส์, ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์ และราฟาเอล กระนั้นผลลัพธ์ที่ได้รับกลับไม่เหมือนเดิม แนวรับทั้งสี่ล้วนมีความผิดพลาดส่วนตัวทั้งสิ้น
อีแวนส์ผิดพลาดในการยืนตำแหน่ง และปล่อยให้ เลโอนาร์โด้ อูย้ว โหม่งประตูแรกให้เจ้าถิ่น (แม้ภาพช้าพบว่าบอลออกเส้นหลังไปก่อนที่วาร์ตี้จะโยนเข้ากลางแล้วก็ตาม) ก่อนได้รับบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออกไป
ขณะที่ราฟาเอลพลาดในเสียบสกัดวาร์ตี้สำหรับประตูที่ 2 (แม้มันเป็นลูกฟาวล์ แต่เขาควรทำได้ดีกว่านั้น ในจังหวะตามไปสกัดในกรอบเขตโทษ)
ส่วนโรโฮหลุดตำแหน่งบ่อยครั้งในครึ่งหลัง จนทีมโดนสวดกลับหลายหน และแบล็คเก็ตต์โดนใบแดง หลังพยายามตามไปสกัดวาร์ตี้ และทั้งหมดที่เกิดขึ้นสะท้อนปัญหาในแนวรับ
นี่เป็ฯความพ่ายแพ้ต่อ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” ครั้งแรกในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่เสียท่าเมื่อปี 1998 ในเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด (0-1) และแน่นอนมันเป็นความพ่ายแพ้สุดช็อก หลังจากแนวรุกทำงานกันได้อย่างเฉียบขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราดาเมล ฟัลเกา ที่เป็นตัวจริงให้ทีมนัดแรก แม้ยิงไม่ได้ แต่ดาวเตะโคลอมเบียประสานงานกับเพื่อนอย่างลงตัว รวมถึงแอสซิสต์สุดสวยสำหรับประตูของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ในประตูเปิดหัว
“เราคุมเกมไว้ได้เบ็ดเสร็จ มันเป็นไปได้อย่างไรที่คุณกลับกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้?” อาการมึนจากปลายสายของ ฟาน กัล
นั่นนะสิ ตราบใดที่กองหน้ายิงระเบิดเถิดเทิงแต่แนวรับพร้อมเสียอยู่ตลอด แฟนบอลก็คงหายใจไม่ทั่วท้องต่อไปเช่นเดิม แล้วนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์อย่างใครหลายๆคนก็โดนผลกระทบไปด้วย ฮ่าๆ