จ่าฝูงคริสต์มาส…ฟาดแชมป์?
สวัสดีครับเพื่อนๆนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ทุกๆคนครับ สถานการณ์ยังคงไม่เปลี่ยน “สิงห์บลูส์” ยึดเก้าอี้จ่าฝูงได้อย่างเหนียวแน่น หลังบุกอัด สโต๊ค ซิตี้ อย่างราบคาบ 2-0 ในวันจันทร์ อันเป็นเกมสุดท้ายของสัปดาห์
ดูเหมือน โชเซ่ มูรินโญ่ พออกพอใจกับฟอร์มของลูกทีมซะเหลือเกิน หลังจากสิ้นท่าคราวเยือนบริทานเนียในฤดูกาลที่แล้ว นี่คือสังเวียนหฤโหดที่หลายทีมเอาชื่อมาทิ้ง กระนั้นลูกโขกเปิดหัวของ จอห์น เทอร์รี่ ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
ประตูดังกล่าวทำให้เจทีซัดในพรีเมียร์ลีกติดต่อกันเป็นฤดูกาลที่ 15 น่าปรบมือให้ดัง ๆ เมื่อพิจารณาถึงตำแหน่งที่เขายืนเป็นปราการหลัง ไม่เพียงเท่านั้น นี่ยังเป็นประตูที่ 35 ในลีกสูงสุดของเขา และมันมากเป็นอันดับ 2 ของบรรดากองหลังที่เคยทำได้ในพรีเมียร์ลีก เป็นรองแค่ เดวิด อันส์เวิร์ธ ที่เคยอยู่เวสต์แฮมและเอฟเวอร์ตันแค่ 3 ประตู
อย่างไรก็ตาม เทอร์รี่ใส่สกอร์ให้ทีมจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ทั้งหมด มันเหนือกว่าอันส์เวิร์ธที่ระคนด้วยลูกจุดโทษด้วยส่วนหนึ่ง และแน่นอนว่า โอกาสทุบสถิติกองหลังจอมล่าตาข่ายของเจทีเปิดกว้างแน่นอน
การนำเป็นจ่าฝูงของเชลซีถือเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับการคว้าแชมป์ เมื่อ 4 จาก 5 ฤดูกาลหลังสุด ทีมที่ยึดจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาสล้วนซิวโทรฟี่ใบเงินวาวทั้งสิ้น มีเพียงฤดูกาลก่อนที่ลิเวอร์พูลผิดคิวทำแชมป์วืดในช่วงโค้งสุดท้าย
กระนั้น “แชมป์เก่า” ที่โกยแต้มต่อเนื่อง พร้อมหายใจรดต้นคอ หลังเปิดบ้านสอนบอล คริสตัล พาเลซ ยับเยินถึง 3-0 อาจทำให้เชลซีหายใจไม่โล่งนัก แม้ไร้ศูนย์หน้าอาชีพ แต่ มานูเอล เปเยกรีนี่ ไม่ไร้ทางออก การใช้งาน เจมส์ มิลเนอร์ ในฐานะ “ศูนย์หน้าจอมปลอม” ถือว่าคลี่คลายได้ดีระดับหนึ่ง และมันเปิดช่องให้ ดาบิด ซิลบา เปล่งประกายด้วย 2 ประตูเนื้อ ๆ
สิงห์บลูส์ – เรือใบ ใครจะยืนระยะได้จนถึงวันสุดท้าย
ขณะที่ “ปีศาจแดง” โดนหยุดสถิติชนะรวดไว้ที่ 6 นัด หลังได้แค่ตามตีเสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1 คริสติย็อง เบนเตเก้ ทำลายปราการเหนียวแน่นของ ดาบิด เด เคอา สำเร็จ อย่างไรก็ดี ศูนย์หน้าพันธุ์เสืออย่าง ราดาเมล ฟัลเกา แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณพรานล่าประตู เมื่อทำประตูที่ 2 ในสีเสื้ออสูร และนี่เพิ่งเป็นการลงตัวจริงครั้งที่ 2 ของ “เอล ติเกร้” เท่านั้น
นี่ถ้าฟิตเต็มถังเมื่อไหร่แฟนบอลผู้ดีคงได้ตื่นตะลึงกับลีลาถล่มประตูของศูนย์หน้าโคลอมเบีย เหมือนอย่างที่แฟนปอร์โต้และ แอต.มาดริด เคยสัมผัสมาแล้ว
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ผนึกกำลังกับ ราดาเมล ฟัลเกา โดยมี เวย์น รูนี่ย์ กับ อังเคล ดิ มาเรีย ขับเคลื่อนเกมรุก เท่านี้ก็สยดสยองเหลือคณาสำหรับทีมคู่แข่งแล้ว
บิ๊กไฟต์ที่แอนฟิลด์ของ 2 ยักษ์พิการ “หงส์แดง” เจ๊า อาร์เซน่อล อย่างสุดระทึก 2-2 ร็อดเจอร์สยังคงมีปัญหาในการจบสกอร์ การขยับ ราฮีม สเตอร์ลิง เล่นหน้าเต็มตัวอาจสร้างความโฉบเฉี่ยวและรวดเร็ว กระนั้นไอ้หนูเชื้อสายจาเมกายังไม่เฉียบคมนักในจังหวะสุดท้าย
แม้สถิติฟ้องชัดว่าลิเวอร์พูลครองบอลมากกว่า (เยอะ) และมีโอกาสสับไกบานตะไท แต่สุดท้ายฟุตบอลตัดสินกันที่ผลการแข่งขันมิใช่หรือ? นี่เป็นสิ่งที่แตกต่างจากคู่แข่งเมืองหลวงหลายขีด “กันเนอร์ส” ไม่ต้องยิงพร่ำเพรื่อ แต่มาแล้วได้ทันที (หรือกองหลังหงส์ห่วยเอง?) สุดท้าย เจ้าถิ่นต้องโกงความตายด้วยลูกโขกในนาทีที่ 90+7 ของเซนเตอร์กะโหลกเหล็ก เจ้าของรอยแผล 8 เข็มกลางกบาล
หงส์ห่วยเกินไปที่จะชนะ ขณะที่ปืนโตไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า ผลเสมอจึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง และทำให้ทั้งสองทีมยังคงลำบากต่อไปในช่วงหลังจากนี้
ทางด้าน “ไก่เดือยทอง” เริ่มเรียกความมั่นใจได้มากขึ้นเรื่อย ๆ หลังเบียดชนะเบิร์นลี่ย์ 2-1 และเป็นอีกเกมที่ไอ้หนู แฮร์รี่ เคน โชว์ฟอร์มเปรี้ยง พร้อมกับใส่สกอร์ให้ทีมได้ด้วย นี่คือความหวังของสเปอร์สในชั่วโมงนี้ แซงหน้ารุ่นพี่อย่าง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และ โรเบร์โต้ โซลดาโด้ ไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ “นักบุญ” กลับมาอาละวาด หลังเคี้ยว “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ด้วยสกอร์คล่องคอ 3-0 แข้งเอฟเวอร์ตันพลาดท่าเข้าประตูตัวเองอีกครั้ง และนั่นส่งให้เซาธ์แฮมป์ตันยังคงเกาะกลุ่มนำ
ทางด้าน “ขุนค้อน” ฟาดลงไปเต็มกระหม่อม “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” ด้วย 2 ประตูจากเด็กเก่าอย่าง แอนดี้ แคร์โรลล์ และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง พาทีมยึดท็อปโฟร์ไว้ได้ และหากรักษาฟอร์มเช่นนี้ไว้ตลอดรอดฝั่ง แซม อัลลาร์ไดซ์ มีสิทธิ์พาทีมลุยยุโรปได้เลย
ส่วนศึกอีสานคลาสสิก ซันเดอร์แลนด์ยังเป็นหนามยอกอกของ “สาลิกาดง” หลังบุกชนะ 1-0 และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พวกเขามีชัยชนะเหนืออริร่วมเมืองติดต่อกันถึง 4 เกม
จากนี้คือช่วงหฤโหด 3 นัด ใน 7 วัน คือโจทย์ที่ทุกทีมต้องเผชิญ และหากใครโกยแต้มในช่วงนี้เป็นกอบเป็นกำ โอกาสพลิกสถานการณ์ในลีกย่อมเปิดกว้างทันที