บุนเดสลีกากลับมาแล้ว!!!
สวัสดีครับเพื่อนๆนักแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ทุกๆคนครับ มาดูบอลเมืองเบียร์กันมั่งดีกว่านะครับ มีเรื่องราวดีๆมาฝากครับ
บาเยิร์นจะคว้าแชมป์เมื่อไหร่?
สำหรับลีกสูงสุดของเยอรมันแล้ว คำถามที่ว่าใครจะเป็นแชมป์ลีกคงเชยเอามาก ๆ ในระยะเวลาปีสองปีนี้ คำถามที่ถูกต้องคงจะเป็นบาเยิร์น มิวนิคจะคว้าแชมป์เมื่อไหร่ต่างหาก
ซีซั่น 2013/14 ที่ผ่านมา ทีมของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า จัดการการันตีถาดแชมป์ในมือหลังจากเอาชนะแฮร์ธ่า เบอร์ลิน 3-1 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2014 ซึ่งเป็นการทำลายสถิติการคว้าแชมป์ลีกเร็วที่สุดหลังจากพ้นเกมที่ 27 ของฤดูกาล โดยสถิติเก่าก็ไม่ใช่ของใครที่ไหน คือผลงานของพวกเขาเองที่เคยทำไว้ในเกมที่ 28 ของซีซั่น 2012/13
ความยอดเยี่ยมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แอนด์โค ยังมีให้เห็นต่อเนื่อง จนถึงเวลานี้พวกเขายังไม่แพ้ใครเลยใน 17 เกมแรกของฤดูกาล แถมตอนนี้ก็โกยแต้มทิ้งห่างโวล์ฟ สบวร์ก รองจ่าฝูงไปแล้ว 11 คะแนนด้วยกัน จากนี้ลองมาตามดูกันซิว่า บาเยิร์น มิวนิคจะทำลายสถิติการคว้าแชมป์เร็วที่สุดของตัวเองได้อีกครั้งหรือไม่ ในเมื่อคู่แข่งลุ้นแชมป์ของพวกเขาเมื่อปีก่อนอย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์กำลังอาการโคม่าเหลือเกิน
ดอร์ทมุนด์ไม่รอด?
ไม่เพียงแต่แฟนบอลเสือเหลืองเท่านั้นที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อได้เห็นตารางบุนเดสลีกาตอนนี้ที่มันฟ้องว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์กำลังประจำการอยู่ในอันดับรองบ๊วยเหนือกว่าไฟร์บวร์กที่ประตูได้เท่านั้น
เหลือเชื่อนะครับที่ทีมรองแชมป์เมื่อซีซั่นที่แล้ว และได้เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อ 2 ปีก่อนจะต้องมาตกระกำลำบากอย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้ และก็ไม่น่าเชื่อนะครับว่ายังคงมองไม่เห็นพัฒนาการที่ดีเลยด้วยในครึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา
ดอร์ทมุนด์มีปัญหาเกมรับอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการสลับคิวกันบาดเจ็บของผู้เล่นตำแหน่งกองหลัง ซึ่งมันยังเผื่อแผ่ไปยังแดนหน้า ทำให้เกมรุกที่เคยดุดันยิงไปเพียง 18 ประตูในลีกฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวัดผลงานกันในรายการฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาลและเวทียุโรปแล้ว ดอร์ทมุนด์นับว่ามีอนาคตทีเดียว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีแรงกระตุ้นในรายการเหล่านี้มากกว่า ยิ่งเป็นในรายการฟุตบอลยุโรปด้วยแล้ว นักเตะวิ่งกันไม่มีหมดเลย เห็นได้จากผลงานชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 ตีตั๋วเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม ดี เลย
ต่อจากนี้ต้องรอดูกันต่อไปว่า เจอร์เก้น คล็อปป์จะพาทีมฝ่าวิกฤติในลีกได้หรือไม่ บางทีเราอาจจะได้เห็นดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยในปีนี้ ตกไปเล่นในลีกา 2 ปีหน้าก็เป็นได้นะครับท่านผู้ชม
ขั้วอำนาจใหม่?
บาเยิร์น มิวนิค, โวล์ฟสบวร์ก, เลเวอร์คูเซ่น, ชาลเก้, ดอร์ทมุนด์ คือชื่อยักษ์ใหญ่ของลีกที่สั่งสมบารมีให้กับตัวเองในรูปแบบทั้งแชมป์ลีกและแชมป์บอลถ้วย รวมถึงโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีกตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
ผ่านไปแล้ว 17 เกมในบุนเดสลีกาฤดูกาล 2014/15 มีชื่อขั้วอำนาจใหม่ที่น่าจะขึ้นมาท้าทายอำนาจพวกยักษ์ใหญ่รายเดิม ๆ ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อในซีซั่นนี้
เอาก์สบวร์ก คือทีมที่กำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้ หลังจากที่ทำคะแนนขึ้นมาเป็นอันดับ 6 ของตาราง
เมื่อปีกลายเอาก์สบวร์กจบที่อันดับ 8 ของตารางบุนเดสลีกา ทว่าตอนนี้พวกเขาพาตัวเองไต่ไปอยู่ในพื้นที่ยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และที่น่าสนใจคือตอนนี้มีแต้มเท่ากับทั้งมึนเช่นกลัดบัค, ชาลเก้ ที่รั้งอันดับ 4 และ 5 อยู่ในขณะนี้ ซึ่งนั่นหมายความว่าทีมเล็ก ๆ ทีมนี้ยังมีโอกาสที่จะฝันไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้า
ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงไปหรอกครับ เมื่อวัดจากสถิติในครึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา เพราะหลังจากนี้เอาก์สบวร์กมีโปรแกรมที่จะต้องไปตัดแต้มกับคู่แข่งแย่งโควตาฟุตบอลยุโรปโดยตรงอย่างชาลเก้ในบ้านตัวเอง และอีกเกมต้องไปเยือนมึนเช่นกลัดบัค ซึ่งถ้ามองจากสถิติแล้วก็มีความเป็นไปได้ที่เอาก์สบวร์กจะมีผลการแข่งขันที่ดีเนื่องจากการดวลกันใน 3 หนหลังพวกเขาคว้าชัย 2 ครั้งและไม่แพ้เลย
ดาวซัลโวหน้าใหม่?
มีแนวโน้มไม่น้อยเลยนะครับที่ฤดูกาลใหม่นี้จะมีดาวซัลโวสูงสุดของลีกเกิดขึ้น และมีปัจจัยรอบด้านหลายอย่างด้วยกันเลยที่ทำให้ อเล็กซานเดอร์ ไมเออร์ หัวหอกที่น่าจะหมดน้ำยาไปนานแล้วกลับมาผงาดง้ำอีกครั้งในปีนี้
ปัจจัยแรกเลยคือการย้ายทีมของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ มาริโอ มานด์ซูคิช สองกองหน้าผู้ครองอันดับดาวซัลโวและรองดาวซัลโวของลีกเมื่อซีซั่นที่แล้วจากการหวดกันไปทั้งหมด 20 และ 18 ประตูตามลำดับ
ในรายของมานด์ซูคิชนั้นไม่มีทางจะทำสถิติเดิมได้แน่นอน เพราะแกย้ายไปเล่นในลา ลีกากับแอตเลติโก มาดริดแล้ว ส่วน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ นั้นโยกไปซบบาเยิร์น มิวนิคแทนที่มานด์ซูคิช
บาเยิร์น มิวนิคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำทีมในแนวทางที่ต่างกันไปจากดอร์ทมุนด์ กล่าวคือสไตล์บอลแบบเป๊ปนั้นเน้นบอลคอนโทรล จังหวะเข้าทำไม่เหมือนกับ ดอร์ทมุนด์ที่เน้นให้บอลเข้าไปในเขตโทษคู่แข่งมากที่สุด มีจังหวะก็โป้งดอกเดียวต้องได้ประตู ซึ่งเมื่อย้ายมาเล่นกับบาเยิร์นมันต่างออกไป จำนวนประตูของพ่อหนุ่มเลวานฯ จึงอยู่ที่เพียง 7 ประตูเท่านั้นในซีซั่นนี้
ขณะเดียวกัน โธมัส ชาฟ นำเอาสไตล์บอลรุกบุกแหลกมาฉีดใส่ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต จังหวะโต้กลับคืออาวุธสำคัญ แล้วปีนี้คุณลุงไมเออร์ก็ดันอยู่ถูกที่ถูกเวลาอยู่ตลอด ทำให้ยอดประตูรวมถึง 13 ประตูเข้าไปแล้ว ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่าเมื่อซีซั่นที่แล้วทั้งซีซั่นพี่แกยิงได้เพียง 8 ประตูเท่านั้น และถ้ายังคงมีโชคมีดวงอยู่อย่างนี้รางวัลปืนใหญ่ทองคำคงไม่หนีไปไหน
หมดเวลาฮัมบูร์ก?
พื้นที่ตกชั้นตอนนี้มีแวร์เดอร์ เบรเมน, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และไฟร์บวร์ก ประจำการอยู่ตามลำดับ ทว่าเมื่อพิจารณาโอกาสการอยู่หรือไปนั้น ต้องยังดิ้นรนกันไปถึงอันดับ 10 เลยทีเดียว
ฮัมบูร์กดิ้นรนอย่างหนักเมื่อซีซั่นก่อน ต้องไปลุ้นกันถึงเล่นเพลย์ออฟหนีตายกันเลยทีเดียว และลองสังเกตจากความเดิมในครึ่งฤดูกาลแรก “สิงห์เหนือ” มีโอกาสไม่น้อยเลยที่จะต้องประสบกับชะตากรรมแบบเดิม
ผ่านไปแล้ว 17 เกมด้วยกัน ฮัมบูร์กดันยิงได้เพียง 9 ประตูเท่านั้น และเมื่อเอาไปวัดกับทีมในโซนเดียวกันทั้งดอร์ทมุนด์ (18), ไฟร์บวร์ก (17) และสตุ๊ตการ์ท (20) พวกเขาทำได้แย่ที่สุดเลย
เมื่อต้นฤดูกาลที่ผ่านมาฝ่ายบริหารของสโมสรไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น จึงได้ปลด เมียร์โค สโลมก้า ออกจากตำแหน่ง แล้วโปรโมตให้ โยเซฟ ซินน์เบาเออร์ จากชุดเยาวชนขึ้นมาทำหน้าที่แทน
หากดูจากผลงานที่ผ่านมาแล้วนั้นยังไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น และมีอยู่หลายเกมด้วยกันที่พวกเขาได้ “ดวง” เข้าช่วยได้ประตูจากการทำเข้าประตูตัวเองของคู่แข่ง หรือไม่ก็ได้จุดโทษแบบไม่น่าได้ช่วยเก็บแต้มกลับมา และเมื่อฤดูกาลเปิดขึ้นมาแล้วยังไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น มันอาจจะหมดเวลาของ “สิงห์เหนือ” แล้วจริง ๆ ก็เป็นได้