ปัญหาเดิมๆ ของชุดขาว
ในเกมเปิดซีซั่นที่ต้องออกไปเยือนสปอร์ติ้ง คิฆอน
เรอัล มาดริด สร้างโอกาสยิงประตูถึง 27 ครั้ง แต่ ยังไม่จะแจ้งมากพอในการทำประตู เป็นเพราะยังขาดความสมดุลและการประสานงานซึ่งกันและกัน
มันไม่ใช่การเริ่มต้นที่ ราฟาเอล เบนิเดช ต้องการอย่างแน่นอน
นายใหญ่คนใหม่ของ เรอัล มาดริด กล่าวในวันเสาร์ก่อนเกมถึงการเล่นเกมรับที่ต้องเสียประตูให้น้อยที่สุด กระนั้นยังพูดถึงการเล่นแบบเอนเตอร์เทนเพื่อให้นักเตะมีความสุขมากที่สุด
ขณะที่ทีมสามารถรักษาคลีนชีตได้ในนัดแรกของลีกาพวกเขายังมีคำถามที่ต้องตอบเกี่ยวกับเกมบุก
ด้วยการที่ คาริม เบนเซม่า มีอาการบาดเจ็บเอล บอส เลือกใช้งาน เฆเช่ โรดรีเกช ในฐานะกองหน้าตัวเป้าโดย แกเร็ธ เบล มีอิสระอย่างเต็มที่ในการปั้นเกมอยู่ข้างหลัง
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยืนฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาที่น่าเป็นหน้าที่ของ ฮาเมส โรดริเกช กลับถูกดร็อปเป็นสำรอง
สตาร์โคลอมเบียพลาดการเล่นช่วยตันซีซั่น เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องสภาพความฟิต หลังรำศึกในโกปา อเมริกา อย่างไรก็ตาม เขาน่าเป็นตัวจริงในนัดนี้แทนที่เฆเช่ที่ถนัดการเล่นริมเส้น ไม่ใช่หน้าเป้า
ชุดขาวยังคงครองบอลมากกว่าตามความคาดหมาย
สิ่งที่แตกต่างออกไป คือการจ่ายบอลเขาไปในพื้นที่สุดท้ายจนไม่สามารถสร้างโอกาสในการทำประตูแบบจะแจ้งทั้งๆ ยิงประตูไปทั้งหมด 27 ครั้งด้วยกัน โดยส่วนใหญ่มาจากการยิงไกล
ตรงนี้สถิติไม่เคยโกหกใคร
เบลน่าทำผลงานได้ดีกว่านี้ตามแผนที่เบนิเตชพูดเอาไว้ก่อนเกม กระนั้น ตัวรุกเวลส์กลับไม่สามารถจ่ายบอลในแบบที่ทีมต้องการ รวมทั้งพลาดโอกาสเน้นๆ ที่ยิงเข้าข้างตาข่ายจากมุมแคบช่วงครึ่งแรก
รายของโรนัลโด้มีการเล่นที่เปลี่ยนไปช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกม
เขาน่าได้จุดโทษจากจังหวะโดนปะทะของ เซร์คิโอ อัลบาเรซ แน่นอนเป็นการเข้าทำประตู แต่จังหวะล้มของสตาร์โปรตุกีสที่เหมือนจงใจเกินไป ทำให้ผู้ตัดสินโบกมือกให้เล่นต่อ
หลังจากนั้นเขาพลาดลูกแท็ป-อินง่ายๆ แบบว่างๆ แม้เป็นจังหวะล้ำหน้าแล้วก็ตาม
ช่วงท้ายเกม โรนัลโด้เกือบเป็นฮีโร่ให้ทีมได้ หากไม่โดนป้องกันอย่างยอดเยี่ยมจาก อิบาน กูเอย่าร์ นายทวารเจ้าบ้าน
เอล ราฟา พยายามปรับทีมด้วยการส่งฮาเมสลงมาแทนเฆเช่ อันเป็นการช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับเกม เนื่องจากโรนัลโด้ถูกดันไปเล่นเกมบุกแบบเต็มตัว นั่นช่วยให้ทีมเล่นอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
เฆเช่อาจเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ และมีพรสวรรค์
แต่ตำแหน่งที่ช่วยให้ผลงานของเขาออกมาดี คือการเล่นตัวริมเส้น เพิ่อมีอิสระในการใช้ความเร็ว ไม่ใช่ตัวเก็บบอลในแดนหน้าเหมือนอย่างที่ออกมาในเกมนี้แต่อย่างใด
“เราทำเกมกันได้ แต่เราไม่สามารถผ่านบอลถึงพื้นที่สุดท้ายได้” เบนิเตชกล่าวหลังจบเกม “เรามีโอกาสหลายครั้ง แต่เราขาดความเด็ดขาด เราต้องพัฒนาขึ้นไป และเรายังคงต้องทำงานหนัก แต่ผมยังมองทุกอย่างในแง่ดี”
อาจเป็นเรื่องดีที่โปรแกรมนัดต่อไป เรอัล มาดริดจะเปิดบ้านเจอกับอีกหนึ่งน้องใหม่อย่าง เรอัล เบติส
“เราต้องการจัดการอะไรบางอย่าง” เบนิเตชเอ่ยเสริม “ในทางหนึ่งคือการส่งนักเตะรุกที่ดีที่สุดลงเล่น พวกเขาต้องการอิสระในการเล่น แต่เราไม่มีพื้นที่มากนัก”
ไม่ใช่เรื่องสำหรับทีมโลส บลังโกส ที่ประสบมานานเป็นปี
แนวรับคู่แข่งมักไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาเล่นง่ายๆ ตรงนี้เบนิเตชคาดหวังจากความเร็วของเฆเช่ เพียงแต่มันไม่เวิร์ก
ในทางเดียวกัน บาร์เซโลน่าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ในการไปเยือน แอธ.บิลเบา ที่ซาน มาเมส ซึ่งต้องขอบคุณประตูชัยของ หลุยส์ ซัวเรซ ในช่วงครึ่งหลังของเกม
มันเป็นการล้างแค้นหลังเคยโดนถล่มในซุเปร์โกปา เด เอสปันญ่า แม้ทีมจะขาด เคราร์ด ปิเก้ ที่ติดโทษแบน รวมทั้งการพลาดจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ บวกกับการสังเวย ดาเนียล อัลเวส กับ เซร์ดิโอ บุสเก็ตส์ ที่บาดเจ็บ
เป็น 3 แต้มที่ล้ำค่าพี่พวกเขาคว้ามาได้
หาก เอล ราฟา และ เรอัล มาดริด ต้องการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ พวกเขาจำเป็นต้องเพิ่มเรื่องคุณภาพของทีมในสัปดาห์ที่จะมาถึง เพราะเป็นเรื่องใหญี่ที่ต้องเร่งแก้โดยด่วน